ความรู้อยู่ในอากาศ อย่าพลาดการเรียนรู้
ความหมายของพยางค์
พยางค์ หมายถึง เสียงที่เปล่งออกครั้งหนึ่ง ๆ โดยเสียงนั้นจะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้ โดยเสียงที่เปล่งออกมา ๑ ครั้ง เรียกว่า ๑ พยางค์ หรือถ้าเปล่งเสียงออกมา ๒ ครั้ง เรียกว่า ๒ พยางค์ เช่น
ประวัติศาสตร์ อ่านว่า ประ-หวัด-ติ-สาด มีจำนวน ๔ พยางค์
สวรรค์ อ่านว่า สะ-หวัน มีจำนวน ๒ พยางค์
องค์ประกอบของพยางค์
พยางค์หนึ่งจะประกอบด้วยเสียงอย่างน้อยที่สุด ๓ เสียง คือ เสียงพยัญชนะต้น เสียงสระ และเสียงวรรณยุกต์ (บางพยางค์อาจมีเสียงพยัญชนะท้ายเพิ่มอีก ๑ เสียง ซึ่งเรียกว่า “ตัวสะกด” )
เสียงพยัญชนะต้น คือ เสียงที่เปล่งออกมาก่อน บางคำจะเป็นเสียงพยัญชนะเดี่ยว บางคำจะเป็นเสียงพยัญชนะควบกล้ำก็ได้ เช่น อ่าง (พยัญชนะต้น คือ อ) ลิฟท์ (พยัญชนะต้น คือ ล) ดาว (พยัญชนะต้น คือ ด) คลอง (พยัญชนะต้น คือ คล) ไกร (พยัญชนะต้น คือ กร) ขวาน (พยัญชนะต้น คือ ขว) เป็นต้น
เสียงสระ คือ เสียงที่เปล่งตามติดมากับเสียงพยัญชนะ เช่น งา (เสียงสระ อา) ชล (เสียงสระ โอะ) เสีย (เสียงสระ เอีย) เกาะ (เสียงสระ เอาะ) เป็นต้น
เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงที่เปล่งออกมาพร้อมกับเสียงสระ เพื่อให้มีระดับเสียงสูงต่ำต่างกันไป เช่น ใหญ่ (เสียงวรรณยุกต์ เอก) เพื่อ (เสียงวรรณยุกต์ โท) สี (เสียงวรรณยุกต์จัตวา)
๑. การประสมสามส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ และวรรณยุกต์ เช่น
กา องค์ประกอบ คือ ๑. พยัญชนะ ก ๒. สระ อา ๓. วรรณยุกต์ เสียงสามัญ ไม่มีรูป
๒. การประสมสี่ส่วน คือ การประสมพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์หรือ ตัวสะกด และวรรณยุกต์ เช่น
เกิด องค์ประกอบ คือ ๑. พยัญชนะต้น ก ๒. สระ เออ ๓. วรรณยุกต์ เสียงเอก ไม่มีรูป ๔. ตัวสะกด ด
๓. การประสมสี่ส่วนพิเศษ คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้าย พยางค์ที่ไม่ออกเสียงหรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์ เช่น
เล่ห์ องค์ประกอบ คือ ๑. พยัญชนะต้น ล ๒. สระ เอ ๓. วรรณยุกต์ เสียงโท (รูปเอก) ๔. ตัวการันต์ ห
๔. การประสมห้าส่วน คือ การประกอบพยางค์ด้วยพยัญชนะต้น สระ พยัญชนะท้ายพยางค์หรือตัวสะกด พยัญชนะท้ายพยางค์ที่ไม่ออกเสียง หรือตัวการันต์ และวรรณยุกต์ เช่น
สิงห์ องค์ประกอบ คือ ๑. พยัญชนะ ส ๒. สระ อิ ๓. วรรณยุกต์ เสียงจัตวา ไม่มีรูป ๔. ตัวสะกด ง ๕. ตัวการันต์ ห
ความหมายของคำ
คำ ตามความหมายในหลักภาษา หมายถึง เสียงที่เปล่งออกมาแล้วมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจเป็นเสียงที่เปล่งออกมาครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็ได้ เช่น
นา เป็นคำ ๑ คำ ๑ พยางค์
ชาวนา เป็นคำ ๑ คำ ๒ พยางค์
นักศึกษา เป็นคำ ๑ คำ ๓ พยางค์
คำ คือ พยางค์ที่มีความหมาย คำมากพยางค์คือ พยางค์หลายพยางค์รวมกันแล้วมีความหมายผู้เรียนพอจะทราบไหมว่า พยางค์กับคำต่างกันอย่างไร อ่านต่อไปท่านก็จะทราบ
พยางค์ คือ เสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งจะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ได้
คำ คือ เสียงที่เปล่งออกมาครั้งหนึ่งจะกี่พยางค์ก็ตามถ้าได้ความ จะเรียกว่า “คำ”
คำหนึ่ง ๆ จะต้องประกอบด้วย เสียง แบบสร้างและความหมาย
๑. เสียง คำหนึ่งอาจมีเสียงเดียวหรือหลายเสียงก็ได้ คำเสียงเดียวเรียกว่า คำพยางค์เดียว คำหลายเสียงเรียกว่า คำหลายพยางค์
คำพยางค์เดียว เช่น กิน นอน เดิน น้ำ ไฟ ฯลฯ
คำหลายพยางค์ เช่น บิดา นาฬิกา กระฉับกระเฉง ฯลฯ
๒. แบบสร้าง คำประกอบด้วยพยางค์ และพยางค์หนึ่ง ๆ อาจมีส่วนประกอบ ๓ ส่วน ๔ ส่วน ๕ ส่วนก็ได้
๓. ความหมาย คำจะต้องมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ เช่น ขัน มีความหมายต่างกันสุดแต่ทำหน้าที่ใด ขึ้นอยู่กับรูปและประโยค เช่น
ขันใบนี้ ทำหน้าที่นาม แปลว่า ภาชนะใส่สิ่งของ
ไก่ขัน ทำหน้าที่กริยา แปลว่า ร้อง
เขาขันเชือก ทำหน้าที่กริยา แปลว่า ทำให้แน่น
เขาทำงานแข็งขัน ทำหน้าที่วิเศษณ์ แปลว่า ขยันไม่ย่อท้อ
เขาพูดน่าขัน ทำหน้าที่วิเศษณ์ แปลว่า ชวนหัวเราะ
อ้างอิงจาก https://sites.google.com/site/wirin580110421/9kik/phyangkh-ni-phasa-thiy